เลี้ยงยักษ์สิ่งที่ต้องทำเพื่อฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยสำหรับช้างป่าในกุยบุรี

ท่ามกลางฉากหลังของเทือกเขาตะนาวศรีในประเทศไทย วัวแดงกำลังเล็มหญ้าอยู่ในทุ่งหญ้า วัวป่าขนาดใหญ่เหล่านี้ แต่ละตัวมีน้ำหนักมากถึง 1,500 กิโลกรัม เคยพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย แต่ปัจจุบันกลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย และสามารถพบได้เพียงไม่กี่แห่ง หนึ่งในนั้น คือ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี

บริเวณใกล้เคียงมีโขลงช้างป่าเกือบ 40 ตัว ลูกช้างสามตัวกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน เมื่อแม่ของพวกมันส่งสัญญาณว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว ลูกช้างก็หยุดสาดน้ำใส่กันและเริ่มออกเดิน ขณะที่ตัวสุดท้ายจากสามตัวพยายามปีนขึ้นไปบนเนินดินร่วนซุย ตัวหนึ่งก็ยื่นงวงออกไปช่วยดึงเพื่อนขึ้นมา แล้วกลับปล่อยมือราวกับแกล้งหยอกกัน หากลูกช้างอยากขึ้นจากน้ำได้ด้วยตัวเอง ก็คงต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้ จนกว่าจะถึงตอนนั้น ก็มีพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ ๆ

Baby elephants playing in a reservoir in Kuiburi National Park © Neil Challis / WWF

“ขอบบ่อน้ำแห่งนี้ยังคงสึกกร่อนและลาดเรียบขึ้นเรื่อย ๆ” คุณวิษณุวิทย์ ทองอ่อน เจ้าหน้าที่อาวุโสโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าในกลุ่มป่าแก่งกระจานที่ WWF ประเทศไทย กล่าว “เพิ่งขุดไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน”

เช่นเดียวกับอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติกุยบุรีถูกสร้างและฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพธรรมชาติโดยมนุษย์ “ทั้งหมดนี้เคยเป็นไร่สับปะรด” คุณวิษณุวิทย์ กล่าวพร้อมกับกวาดมือไปทั่วพุ่มไม้หนาทึบ ขณะที่รถบรรทุกแล่นโขยกเขยกผ่านอุทยานบนเส้นทางไปทำงานประจำวันของเขา เมื่อขับรถผ่านอุทยานกับเขา เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าพื้นที่แห่งนี้จะเป็นอะไรอย่างอื่นไปได้ นอกจากผืนป่า

Pineapple and rubber plantations around Kuiburi National Park © Neil Challis / WWF

ย้อนกลับไปในทศวรรษ 1970 ด้วยความพยายามที่จะต่อสู้กับอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่แผ่ขยายไป รัฐบาลไทยเริ่มจัดสรรพื้นที่ที่ยังไม่ถูกแตะต้องจำนวนมากของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ให้กับครอบครัวฐานะยากจน เพื่อสร้างนิคมใหม่ที่จะช่วยให้สามารถดูแลป่าที่ติดกับประเทศเมียนมาร์ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อผู้คนหลั่งไหลเข้ามาจับจองที่ดินในบ้านรวมไทยที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ ป่าไม้ก็ถูกแผ้วถางเพื่อสร้างบ้านเรือนและปลูกพืชผล ปีต่อ ๆ มา การเกษตรเชิงเดี่ยวขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสับปะรด ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจขึ้นชื่อประจำจังหวัดในปัจจุบัน

แต่ราว ๆ ทศวรรษ 1980 ชาวบ้านเริ่มพบเห็นร่องรอยของแขกไม่ได้รับเชิญบางพวกรอบ ๆ ไร่ นั่นคือ ช้างป่า เมื่อถึงทศวรรษ 1990 ข่าวแหล่งอาหารที่เข้าถึงได้ง่ายแห่งนี้ก็แพร่กระจายไปในหมู่สัตว์ และมีช้างป่าเข้ามาร่วมวงกินผลไม้รสฉ่ำมากขึ้น เมื่อราคาสับปะรดเริ่มสูงขึ้น ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่าก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น และมักเกี่ยวข้องกับการยิงตอบโต้จากฝั่งเกษตรกร และการทำร้ายร่างกายจากฝั่งสัตว์ตัวยักษ์

A farmer inspecting any damage from elephants on her pineapple field © Neil Challis / WWF

ในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เมื่อพบช้างป่าตายสองตัว ผลการชันสูตรพลิกศพเผยว่าสับปะรดอาบยาพิษเป็นสาเหตุการตาย ชุมชนและรัฐบาลจึงตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาทางสร้างสันติ

เลี้ยงยักษ์
เพื่อปกป้องภูมิทัศน์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่ป่าดิบแล้งไปจนถึงป่าเบญจพรรณ และสัตว์ป่าที่มีเอกลักษณ์ อุทยานแห่งชาติกุยบุรีจึงถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2542 โดยเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตก ซึ่งเป็นป่าที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ผืนใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 969 ตารางกิโลเมตร เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่เรียกคืน เมล็ดพันธุ์พืชบุกเบิก (พันธุ์ไม้ที่แข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง) เช่น สมอพิเภก ถูกหว่านลงดินเพื่อปูทางให้ผืนป่าฟื้นตัวผ่านกระบวนการทดแทนทางธรรมชาติ

ในการเร่งกระบวนการฟื้นฟูนี้ อันเป็นการให้ธรรมชาติได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์ ในปี พ.ศ. 2548 WWF ประเทศไทยจึงเริ่มต้นความร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) โครงการในพระราชดำริ และหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ร่วมกับชุมชนในพื้นที่ เพื่อเพิ่มแหล่งอาหารให้กับสัตว์ป่า รวมถึงการสร้างแปลงหญ้า แหล่งโป่งเทียม และแหล่งน้ำ

WWF-Thailand team checking the health of grass they’ve planted as an artificial food source for elephants © Neil Challis / WWF

“เมื่อประชากรช้างป่าและสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นจากโครงการฟื้นฟูถิ่นที่อยู่อาศัยของเรา แหล่งอาหารในธรรมชาติอาจไม่เพียงพอ” ธัญญ์พิชชา ใจแก้ว เจ้าหน้าที่อาวุโสโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าในกลุ่มป่าแก่งกระจาน  WWF ประเทศไทย ผู้ดูแลงานด้านการปรับปรุงถิ่นที่อยู่อาศัย กล่าว “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องจัดการแหล่งอาหารฝีมือมนุษย์เหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่ามีเพียงพอสำหรับสัตว์ป่า และเพื่อป้องกันไม่ให้ช้างบุกรุกพืชผลของชุมชน”

การฟื้นฟูประชากรสัตว์ป่า
ธัญญ์พิชชา และวรญา มากหลาย เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อส. กำลังเดินทางไปเปลี่ยนแบตเตอรี่และหน่วยความจำของกล้องดักถ่ายภาพที่ติดตั้งไว้รอบอุทยานเป็นประจำทุกเดือน โดยอาศัยรถกระบะของวิษณุวิทย์ เพื่อติดตามสัตว์ป่าและประเมินประสิทธิภาพของแหล่งอาหารที่มนุษย์สร้างขึ้น

WWF-Thailand team checking installed camera traps and recording data © Neil Challis / WWF

“จากกล้องดักถ่ายภาพ เราทราบว่าไม่ใช่แค่ช้างและกระทิงเท่านั้นที่มากินอาหารจากแหล่งที่เราสร้างขึ้น ยังมีเก้ง กวาง และสัตว์เล็กอื่น ๆ ด้วย” วรญากล่าว

การสำรวจด้วยกล้องดักถ่ายภาพในปี พ.ศ. 2565 พบว่า มีสัตว์มากถึง 15 ชนิด ที่มากินอาหารจากแหล่งอาหารฝีมือมนุษย์ที่สร้างขึ้นโดยทีม WWF ประเทศไทยและเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

“เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นภาพพวกนี้ และภาพของสัตว์ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน” ธัญญ์พิชชาเสริม “เหมือนพวกมันรู้ว่าเราสร้างโป่งไว้ให้”

“อย่างน้อยเราก็สำคัญกับสัตว์… อาจจะมากกว่ากับคน !” วรญาพูดติดตลก

ในปี พ.ศ. 2548 อส. รายงานว่า มีช้างป่าประมาณ 150 ตัว ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ปัจจุบัน ข้อมูลประมาณการว่ามีช้างป่าประมาณ 237 ตัว อาศัยอยู่ในพื้นที่ ทำให้พื้นที่นี้ซึ่งเชื่อมต่อกับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่รู้กันดีว่ามีช้างป่าอาศัยอยู่ทางตอนเหนือถึง 600 ตัว กลายเป็นบ้านของประชากรช้างป่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ อุทยานแห่งนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ อีกหลากหลายชนิด เช่น กระทิง เก้ง เสือดาว หมาใน หมีควาย แมวลายหินอ่อน รวมถึงสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เช่น หมาจิ้งจอก  เสือดาวอินโดจีน ลิ่นซุนดา แร้งหัวแดง นกแต้วแล้วท้องดำ และอื่น ๆ อีกมากมาย

Elephant drinking from waterhole created by Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation Thailand (DNP) and WWF-Thailand © DNP / WWF-Thailand

มือช่วยเหลือ
ขณะที่ทีมงานย้ายจากกล้องตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่ง ขับรถไปตามเส้นทางขรุขระและพุ่มไม้หนาทึบเป็นเวลา 10 ถึง 20 นาที ทำให้เห็นถึงพื้นที่อนุรักษ์อันกว้างใหญ่ การดูแลพื้นที่ฟื้นฟูถิ่นที่อยู่อาศัยทั้งห้าแห่งของ WWF ประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 438 ไร่ (70 เฮกตาร์) และทำให้แน่ใจว่ามีอาหารเพียงพอสำหรับสัตว์ขนาดใหญ่และสัตว์หลายชนิดเช่นนี้ จำเป็นต้องใช้ความทุ่มเทพยายามของคนจำนวนมาก

ตลอดทั้งปี นักอนุรักษ์และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า รวมถึงอาสาสมัครจากชุมชน จะผลัดกันปลูกหญ้าพันธุ์ใหม่ กำจัดวัชพืช เติมโป่งเทียม และทำความสะอาดแหล่งน้ำ การวิเคราะห์ข้อมูลการเฝ้าระวังสัตว์ป่าที่รวบรวมมาตลอดหลายปีช่วยให้สามารถวางกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงแนวทางการฟื้นฟูถิ่นที่อยู่อาศัย เช่น การพิจารณาชนิดของหญ้าที่สัตว์ชอบ หรือตำแหน่งที่ดีกว่าสำหรับโป่งเทียม

Staff maintaining weeds in habitat restoration areas in Kuiburi National Park © Neil Challis / WWF

“ด้วยข้อมูล เราสามารถคาดการณ์การโยกย้ายของโขลงช้าง และจุดที่เราสามารถสกัดกั้นพวกมันเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันทำลายพืชผลได้” วิษณุวิทย์กล่าว

เมื่อสิ้นสุดวันทำงานที่ทุ่งโล่งแห่งหนึ่ง วิษณุวิทย์ ธัญญ์พิชชา และวรญา ยืนอยู่ด้วยกันเพื่อเฝ้าดูโขลงช้างที่ลงมากินหญ้าที่พวกเขาปลูกไว้เมื่อเดือนที่แล้ว บทสนทนาส่วนใหญ่ของพวกเขาวนเวียนอยู่กับการระบุตัวช้างด้วยชื่อเล่นน่ารัก ๆ ที่พวกเขาตั้งให้ โดยอิงจากลักษณะเฉพาะหรือบุคลิกที่โดดเด่นของแต่ละตัว

เมื่อดวงอาทิตย์ตกลับหลังเทือกเขา พวกเขาก็เห็นแม่ช้างตัวหนึ่งและจำได้ทันทีว่าคือ “แม่แพรก” จากนั้น ร่างเล็ก ๆ ที่ไม่คุ้นตาก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของแม่แพรก ซึ่งไม่มีใครในทีมสามารถเรียกชื่อได้ เพราะเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว อาจจะเพิ่งเกิดได้เพียงสามวัน

An elephant calf suckling from its mother in Kuiburi National Park © Neil Challis / WWF

หลังจากดูดนมแม่แล้ว ลูกช้างก็พยายามวิ่งไปเล่นกับสมาชิกตัวอื่น ๆ ในโขลง ก่อนที่จะสะดุดล้มหน้าทิ่มดิน ด้วยท่าทางที่งุ่มง่าม ยังคงเรียนรู้วิธีการเดินและใช้งวงอย่างถูกต้อง มันพยุงตัวเองขึ้น ยืนอย่างโซเซ ก่อนจะคลาน แล้วในที่สุดก็สามารถยืนบนขาสั้น ๆ ทั้งสี่ของมันได้อย่างมั่นคง ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ลูกช้างจะเรียนรู้ที่จะเดินไปมาบนผืนดินเพื่อหาอาหารกินเองและเติบโตแข็งแรงพอที่จะเดินขึ้นและลงบ่อน้ำ ที่ซึ่งมันจะได้เล่นกับเพื่อนใหม่

เกี่ยวกับ WWF ประเทศไทย​

องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF เป็นองค์การระหว่างประเทศที่ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน WWF มีผู้สนับสนุนมากกว่า 5 ล้านคนจากทั่วโลกและเครือข่ายขององค์กรทำงานร่วมกันกว่า 100 ประเทศ พันธกิจของ WWF คือการอนุรักษ์ไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ และการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนโดยที่มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล โดยในประเทศไทยมีการดำเนินงาน 5 ด้าน ได้แก่ การอนุรักษ์สัตว์ป่า การอนุรักษ์ป่าไม้ การอนุรักษ์มหาสมุทร และการจัดการขยะพลาสติก การหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการจัดการทรัพยากรน้ำจืด

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ WWF ประเทศไทย สามารถดูรายละเอียดได้ที่:

บทความอื่นๆ