ประเทศไทยมีพื้นที่ที่มีระบบนิเวศที่หลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จากผืนป่าทางภาคเหนือลงมาจนถึงป่าชายเลนในภาคใต้ ประเทศไทยจึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญของสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและระบบนิเวศ ทั้งพืชและสัตว์มีวิวัฒนาการมาหลายพันปี และมีการเคลื่อนย้ายไปมาตามภูมิประเทศต่าง ๆ จนเกิดการปรับตัวเข้าหากันระหว่างสิ่งมีชีวิตเหล่านี้และสภาพแวดล้อมใหม่ เมื่อเวลาผ่านไป การขนส่งทางเรือ ทางอากาศ และทางรถไฟ ส่งผลให้สายพันธุ์ชนิดต่าง ๆ มีการเคลื่อนย้ายจากถิ่นกำเนิดเดิมไปทั่วโลก การเดินทางข้ามถิ่นลักษณะนี้ส่งผลให้เกิดการรุกรานในสภาพแวดล้อมที่อาจยังไม่มีกลไกทางธรรมชาติในการรักษาสมดุลระหว่างสายพันธุ์ต่างถิ่นที่เข้ามาและสายพันธุ์ท้องถิ่นไว้ได้
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยที่มีความหลากหลายของชนิดพันธุ์ทั้งพืชและสัตว์ ยังคงเผชิญหน้ากับการรุกรานของสายพันธุ์ต่างถิ่นมากมายนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะในระบบนิเวศทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นผักตบชวา ปลาดุกดูด (ปลาซัคเกอร์) หอยเชอรี่ และในกรณีล่าสุดของ ‘ปลาหมอคางดำ’ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งในด้านระบบนิเวศวิทยา และเศรษฐกิจที่เป็นผลจากการรุกรานของสายพันธุ์ต่างถิ่นได้อย่างชัดเจน ปลาหมอคางดำมีถิ่นกำเนิดจากสาธารณรัฐกานาในแอฟริกาตะวันตก และกำลังขยายพันธุ์ในอัตราที่รวดเร็ว และอาจเป็นอันตรายต่อปลาท้องถิ่นกว่า 800 ชนิด การเร่งแก้ไขวิกฤตนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้
ปลาหมอคางดำไม่เพียงแต่ทำลายระบบนิเวศเท่านั้น แต่เมื่อได้แพร่กระจายไปยังแม่น้ำสายหลักในประเทศไทย เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตคนหลายล้านคน และเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับการขนส่ง การชลประทาน อุตสาหกรรม และเป็นบ้านที่อยู่อาศัยแก่สิ่งมีชีวิตในน้ำมากมาย การรุกรานที่ไร้การควบคุมครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อเป็นทอด ๆ ทั้งต่อระบบนิเวศ คุณภาพน้ำ และชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนรอบแหล่งน้ำ ปลาหมอคางดำสามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายเช่นเดียวกับชนิดพันธุ์ต่างถิ่นชนิดอื่น ๆ ทำให้ปลาหมอคางดำเป็นสัตว์ที่ทนทานและควบคุมได้ยาก
นอกจากนี้ ยังมีปลาดุกดูด หรือที่รู้จักกันในนาม ปลาซัคเกอร์ ซึ่งเป็นปลาท้องถิ่นในอเมริกาใต้ ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยด้วยความเชื่อที่ว่าจะช่วยควบคุมตะไคร่น้ำในตู้ปลาและบ่อน้ำได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ปลาดุกดูดกลับกลายเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัว ความสามารถในการเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ผนวกกับพฤติกรรมการกินที่ก้าวร้าว ส่งผลให้ปลาดุกดูดกลายเป็นภัยคุกคามต่อปลาท้องถิ่นและพืชน้ำในประเทศไทย
หอยเชอรี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ถูกนำเข้ามาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของแหล่งอาหาร แต่กระนั้นก็ดี การเข้ามาของหอยเชอรี่กลับกลายเป็นฝันร้ายทั้งทางนิเวศและเศรษฐกิจของประเทศ หอยเชอรี่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งนาข้าว กัดกินต้นอ่อนข้าว และทำลายพืชผลอย่างหนัก กล่าวคือหอยเชอรี่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศท้องถิ่นอย่างใหญ่หลวง และสามารถกระจายพันธุ์ได้เร็วในถิ่นที่อาศัยเมื่อเปรียบเทียบกับชนิดสายพันธุ์พื้นเมือง ในส่วนของผลกระทบด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่อันเนื่องมาจากผลผลิตข้าวที่ลดลงนำไปสู่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและความยากลำบากทางการเงิน
สายพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในน้ำไม่ได้มีแค่ปลาเท่านั้น
แต่ยังมีผักตบชวาที่ถูกขนานนามว่าเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน และสร้างวิกฤตทางระบบนิเวศมาเป็นเวลานาน ผักตบชวาได้แพร่กระจายอย่างไร้การควบคุมในแหล่งน้ำมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ เดิมทีถูกนำเข้ามาเพื่อการประดับตกแต่ง แต่กลับเจริญเติบโตได้ดีในแหล่งน้ำอุ่นและมีความอุดมสมบูรณ์ การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วนี้ก่อให้เกิดเหมือนพรมหนาปกคลุมและขวางกั้นการส่องของแสงอาทิตย์ ทำให้สิ่งมีชีวิตในน้ำขาดออกซิเจน และเป็นอุปสรรคต่อการไหลของน้ำ
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจเกิดขึ้นในหลายมิติ
ชาวประมงต้องประสบกับปัญหาของจำนวนปลาที่ลดลงสืบเนื่องมาจากการแพร่พันธุ์ที่รวดเร็วของผักตบชวา ระบบชลประทานได้รับความเสียหายจากสิ่งอุดตันที่เกิดจากการที่ไม่สามารถกำจัดผักตบชวาได้ ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตลดลงและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากทางน้ำที่เคยสวยงามได้เปลี่ยนสภาพเป็นพุ่มไม้หนาทึบที่ขวางทางน้ำ
เมื่อพิจารณาถึงความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ การศึกษากรณีตัวอย่างจากประเทศอื่น ๆ ที่เคยประสบปัญหาแนวเดียวกันย่อมเป็นประโยชน์ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่น การต่อสู้ของสหรัฐอเมริกาในการจัดการปลาคาร์ปเอเชีย (Asian Carp) ที่ได้ทำลายประชากรปลาท้องถิ่นในแม่น้ำมิสซิสซิปปี มีการพยายามควบคุมการแพร่กระจายด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสิ่งกีดขวางทางกายภาพ การจับเมื่อพบเจอ และการรณรงค์ให้ความรู้แก่สาธารณะ กรณีศึกษาเหล่านี้อาจช่วยให้ประเทศไทยมองเห็นแนวทางการนำมาพัฒนาเป็นมาตรการการจัดการที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับทั้งบริบทเชิงนิเวศ และบริบทเชิงเศรษฐกิจและสังคมในประเทศได้
ชนิดพันธุ์ที่รุกรานอย่างหอยแมลงภู่ควักก้า (Quagga mussels) และหอยม้าลาย (Zebra mussels) ก็ได้สร้างความหายนะต่อระบบนิเวศทางน้ำในอเมริกาเหนือเช่นกัน หอยสองชนิดนี้ถูกนำเข้ามาผ่านการปล่อยน้ำทิ้งจากเรือและแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว พวกมันจะเกาะติดกับพื้นผิวที่มีอยู่ทุกประเภท เช่น เรือ ท่าเทียบเรือ และท่อส่งน้ำ ความสามารถในการกรองน้ำของหอยเหล่านี้ได้ดึงสารอาหารที่จำเป็นต่อสัตว์น้ำไปด้วย เช่น แพลงก์ตอนพืช (phytoplankton) เป็นต้น ทำให้ระบบห่วงโซ่อาหารแปรปรวนและชนิดพันธุ์ท้องถิ่นขาดแคลนอาหาร ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ (18,000 ล้านบาท) ต่อปี
การรับมือกับภัยคุกคามจากชนิดพันธุ์รุกรานต่างถิ่นต้องอาศัยแนวทางที่หลากหลาย การป้องกันถือเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดในการนำเข้าและการปล่อยสายพันธุ์ต่างถิ่น
วิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับภัยคุกคามจากชนิดพันธุ์คุกคามต่างถิ่นคือการป้องกันไม่ให้เกิดการนำเข้ามาตั้งแต่แรก การออกกฎระเบียบและการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการนำเข้า และการปล่อยชนิดพันธุ์ที่ไม่ใช่สายพันธุ์พื้นเมืองเป็นสิ่งที่ควรจะต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวด ตลอดจนการมีมาตรการลงโทษสำหรับผู้ที่เพิกเฉยต่อกฎระเบียบดังกล่าว ซึ่งเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง การสร้างความตระหนักให้กับสังคมส่วนรวม และการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนสามารถช่วยให้ผู้คนทราบถึงความเสี่ยง และความเสียหายที่เกิดจากการนำชนิดพันธุ์ต่างถิ่นเข้ามาในระบบนิเวศท้องถิ่น นอกจากนี้ การศึกษาข้อมูลวิจัยและการติดตามตรวจสอบก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์คุกคามต่างถิ่น
ในกรณีปลาหมอคางดำ ถือเป็นบทเรียนที่แสดงถึงความเปราะบางของระบบนิเวศทางธรรมชาติของเรา และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและการตื่นตัวในการป้องกันการนำเข้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอย่างเคร่งครัด ในขณะที่ประเทศไทยต้องต่อสู้กับความท้าทายจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่นทั้งในน้ำและบนบก ก็ต้องไม่ลืมที่จะตระหนักถึงคุณค่าของสัตว์ป่าท้องถิ่นและบทบาทที่ไม่สามารถทดแทนได้ในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศและการเกื้อกูลต่อชีวิตของเรา การบรรเทาภัยคุกคามจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่นสามารถทำได้โดยผ่านความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์คงอยู่คู่คนรุ่นต่อไปในอนาคต
ติดต่อเพื่อสอบถามเพิ่มเติม
อรณิศ บุณยประสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กร oranitb@wwf.or.th
โสภาเพ็ญ กระจ่างเนตร์ เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร sopahpeng@wwf.or.th
ณัฐณิชา เพชรสกุล เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร natnichap@wwf.or.th